ผมเป็นคนหนึ่งเมื่อสมัยวัยรุ่น ไม่ค่อยเชื่อเรื่อง
การห้อยพระเครื่องเท่าไหร่ เพราะคิดว่ายังไง
เราชาวพุทธก็มีพระอยู่ในใจอยู่แล้ว ยังไม่รวมถึง
ความยุ่งยากในการใช้ชีวิต เช่นเวลาอาบน้ำก็
เกะกะเวลาถูสบู่ กินก๋วยเตี๋ยวพระก็จุ่มลงไป
ในชาม เวลานอนสร้อยพระก็ติดคอ ฯลฯ
เมื่อเวลาเปลี่ยน คนก็เปลี่ยน พอเริ่มมีอายุมากขึ้น
ผ่านประสบการณ์ชีวิต และเริ่มเห็นอะไร ๆ มากขึ้น
บางทีก็อยากหาอะไรเป็นที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจไว้
บ้างเหมือนกัน
ตอนนี้กลายเป็นว่าผมจะห้อยพระทุกครั้ง
ที่มีโอกาส ชอบดื่มด่ำประวัติความเป็นความเป็นมา
ของพระที่สร้างเครื่องรางของขลังเหล่านี้
ส่วนหนึ่งคงเพราะได้สัมผัสถึง “คุณค่า”
ของเครื่องรางที่เป็น”ของแท้”เลยทำให้ยิ่งคลั่งไคล้
มากขึ้นไปอีก
คุณสมบัติของเครื่องรางก็เหมือนกัน พอเราได้รู้ว่า
โห อันนี้สายเหนียว สายคงกระพันธ์ สายเมตตา
มหานิยม แก้ร้าย กลายเป็นดี ฯลฯ (เวลาอ่านแล้ว
มันเคลิ้มดีจริง ๆ) แล้วพอได้มีประสบการณ์ตรง
(จริง ๆ อาจจะเป็นเรื่องบังเอิญก็ได้)
ก็ยิ่งสนุกกับการเก็บของเหล่านี้เพิ่มมากขึ้นไปอีก
ไม่ได้งมงาย แต่ก็คาดหวังเล็ก ๆ
สมมุติว่า โลกใบนี้ไม่มีเรื่องราวของเครื่องราง
ของขลังอยู่จริง อย่างน้อยที่สุดมันก็เป็นของ
สะสมได้ เป็นของที่มีมูลค่า (แถมหายากด้วย)
หน้าตาแปลก ๆ ไม่ซ้ำ มีความสวยงามในตัวเอง
อีกด้วย ก็คงคล้าย ๆ กับโมเดลกันดั้มประมาณนั้น
แต่ถ้าเรื่องมนต์ดำไสยเวทย์อาคมมีอยู่จริง
เราก็จะปลอดภัยจากของเหล่านี้ 100% แถมมีคน
รักใคร่เอ็นดู (เมตตามหานิยม) อีกต่างหาก
มีแต่ได้กับได้
เริ่มอยากลองหาพระแท้มาห้อยกันแล้วล่ะสิ
เข้าไปดูบทความการตามหาพระแท้ อย่างง่าย
ได้ที่นี่เลยครับ
biwFreeStyle